Dubai ดูไบ
เราจะคุ้นเคยกับดูไบ จนหลายๆคนเข้าใจผิดคิดว่าเป็นประเทศดูไบและลืมไปว่ามันคือประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ดูไบเป็นเมืองใหญ่ที่สำคัญของประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เป็นประเทศที่ร่ำรวยมาก เราจะเห็นผู้คนขับรถซุปเปอร์คาร์ราคาแพงกันเกลื่อนถนนเป็นเรื่องธรรมดา เป็นประเทศที่เต็มไปด้วยเศรษฐีที่ร่ำรวยจากการค้าน้ำมันนั่นเอง อาคารบ้านเรือนดูทันสมัยและสวยงาม สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เป็นประเทศที่อยู่ในตะวันออกกลาง ภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นทะเลทราย อากาศในประเทศค่อนข้างร้อน ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการท่องเที่ยวดูไบที่ดีสุดคือฤดูหนาว ระหว่างเดือนพฤศจิกายน – เดือนมีนาคม ซึ่งอุณหภูมิอยู่ระหว่าง 20 – 26 องศาเซลเซียส หากใครไปช่วงฤดูร้อนอุณหภูมิสูงถึง 40 องศาเซลเซียส ถึงแม้จะเป็นทะเลทรายแต่ดูไบก็มีสถานที่ท่องเที่ยวสวยงามสุดอลังการไม่น้อยทีเดียว ไปเที่ยวกัน
รับจัดกรุ๊ปเหมา ดูไบ
No tours match your criteria
เศรษฐีดูไบเขามีอะไรกันบ้าง
บุรจญ์เคาะลีฟะฮ์ (Burj Khalifa)
เป็นตึกที่สูงที่สุดในโลก จำนวนชั้นมากที่สุดในโลก และตึกที่มีปล่องลิฟต์ยาวที่สุดในโลก ด้วยความสูง 828 เมตรและจำนวนชั้น 163 ชั้น ตั้งสูงตระหง่านเฉียดฟ้าอยู่กลางเมืองดูไบ เป็นตึกที่ยิ่งใหญ่อลังการและเห็นถึงความเจริญรุ่งเรืองของเมืองมากๆ สร้างเสร็จในปี ค.ศ. 2010 ใช้เวลาถึง 6 ปี ค่าใช้จ่ายในการสร้างกว่า 1.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ สามารถไปเที่ยวชมวิวบริเวณด้านบนชั้น 124 – 125 และชั้น 148 โดยขึ้นลิฟต์ที่มีความเร็ว 10 เมตรต่อวินาที ก็คือถ้าจะไปถึงจุดชมวิวชั้น 124 จะใช้เวลาแค่ 1 นาทีเท่านั้น!!! สามารถมองเห็นวิวได้แบบ 360 องศา ไกลกว่า 95 กิโลเมตร มองเห็นได้ไกลสุดลูกหูลูกตา ข้ามทะเลอารเบียเข้าไปถึงประเทศอิหร่านได้เลย คงต้องมาสัมผัสความอลังการเวอร์วังของตึกนี้ด้วยตัวเองสักครั้งแล้วหละ
น้ำพุแห่งดูไบ Dubai Fountain
มีขนาดใหญ่มากที่สุดในโลกกก มีความยาวกว่า 270 เมตร หรือประมาณสนามฟุตบอล 2 สนามรวมกัน ใช้น้ำจำนวน 83,000 ลิตร พุ่งขึ้นไปบนอากาศสูงเท่ากับตึก 50 ชั้น ยัง!!! ยังไม่หมดความอลังการเพียงเท่านี้ ยังสามารถมองเห็นจากที่สูงไกลถึง 200 ไมล์อีกด้วย และใช้งบประมาณกว่า 220 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือเท่ากับ 7.2 พันล้านบาทเลยทีเดียว ในการแสดงนี้จะใช้ไฟทั้งหมด 6,600 ดวง โปรเจคเตอร์สี 50 ตัว ควบคุมด้วยระบบคอมพิวเตอร์ พร้อมเปิดเพลงเป็นจังหวะ จนเหมือนน้ำพุนั้นเต้นระบำอยู่ น้ำพุแห่งนี้อยู่ในทะเลสาบบุรจญ์คาลิฟา ใจกลางเมืองดูไบ เริ่มการแสดงแต่ 6 โมงเย็น ถึงเที่ยงคืน แสดงทุกๆ ครึ่งชั่วโมง รอบละประมาณ 5 นาที ดูฟรีทุกวันไม่มีวันหยุด สุดยอดมากกก
เดอะปาล์ม (The Palm)
เป็นเกาะที่ถมขึ้นใหม่เป็นรูปต้นปาล์ม นับเป็นโครงสร้างเกาะที่ใหญ่ที่สุดในโลก ขนาดพื้นที่ราว 25 ตารางกิโลเมตร มีแนวของใบปาล์ม 17 แนว ใช้ทรายจำนวน 92,234,000 ลูกบาศก์เมตร ถมจนเกิดเป็นพื้นที่ดินเหนือน้ำทะเลและเกิดเป็นเกาะไฮโซนี้ ใช้งบประมาณในการก่อสร้างกว่า 3 พันล้านดอลลาร์ วัตถุประสงค์ของการสร้างหมู่เกาะนี้ก็คือส่งเสริมธรรมชาติ ทั้งการสร้างแนวปะการังและแหล่งที่อยู่อาศัยของสิ่งมีชีวิตในทะเล เพื่อพัฒนาการท่องเที่ยวของดูไบนั่นเอง ถูกจัดให้เป็นเมืองสุดหรู มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ทั้งร้านอาหาร ภัตตาคาร สวนน้ำขนาดใหญ่ สปาชั้นเยี่ยมของโลก ห้างสรรพสินค้าที่รวมทุกแบรนด์ระดับโลกไว้ที่นี่ บ้านสไตล์วิลล่าชายทะเล รีสอร์ทและโรงแรมระดับ 5 ดาว มีท่าจอดเรือยอชต์สำหรับผู้พักอาศัยในโครงการนี้ด้วย เกาะนี้เชื่อมต่อกับพื้นดินของดูไบ ผ่านสะพานและรถไฟลอยฟ้ายาวประมาณ 5.4 กิโลเมตร ไม่รวยทำแบบนี้ไม่ได้จริงๆ
แอทแลนติส เดอะปาล์ม (Atlantis, The Palm)
โรงแรมสุดหรูแห่งแรกที่สร้างขึ้นบนเกาะเดอะปาล์ม สร้างจากแนวคิดตามตำนานของอาณาจักรแอตแลนติสที่สาบสูญ เป็นตึกขนาดใหญ่สีชมพู pink gold มีทั้งหมด 46 ชั้น ห้องพักกว่า 1,500 ห้อง ห้องพักอันโด่งดังคือห้องพักใต้น้ำ บรรยากาศและบริการระดับโลกจนได้รับรางวัลรีสอร์ทชั้นนำของโลกในปี 2015 ด้วยนะ ในวันเปิดตัวโรงแรมวันที่ 24 กันยายน ปี 2008ก็สุดอลังการ พลุที่ใช้ในวันเปิดตัวโรงแรมเป็นพลุที่เเพงที่สุดในโลก และสามารถมองเห็นได้จากอวกาศอีกด้วย โรงแรมแบ่งออกเป็นสองฝั่งและเชื่อมเข้าหากันด้วยซุ้มสะพานโค้ง ท่ามกลางชายหาดส่วนตัว มีทั้งสวนน้ำ พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำใต้ทะเล ศูนย์ดำน้ำ สปา ฟิตเนส ร้านค้าช็อปปิ้งระดับไฮเอนด์ ร้านอาหารสุดหรู สิ่งบันเทิงต่างๆ และ Dolphin Bay โชว์ปลาโลมาที่เราสามารถลงไปว่ายเล่นกับบรรดาปลาโลมาแสนรู้ได้แบบใกล้ชิด
บุรจญ์อัลอาหรับ (Burj al-Arab)
โรงแรมสุดเริ่ดหรูอลังการระดับมากกว่า 5 ดาว ตั้งอยู่บริเวณริมชายหาดจูไมราห์ ทำเป็นเกาะเทียมที่ถมขึ้นมาเพื่อสร้างโรงแรมแห่งนี้ ลักษณะโรงแรมถูกออกแบบเป็นรูปเรือใบ ถ้ามองจากระยะไกลหรือมุมสูงจะเห็นเหมือนเรือใบกำลังแล่นอยู่กลางทะเล โรงแรมนี้มีห้องพักมากกว่า 200 ห้อง ห้องที่เล็กที่สุดมีขนาดกว้าง 169 ตารางเมตร ถือว่าเป็นโรงแรมหรูและแพงที่สุดในโลก และจุดเด่นอีกอย่างคือ ห้องอาหารอัล มาฮารา เสิร์ฟอาหารทะเลสดใหม่เมนูต่างๆ จากไอเดียของนาธาน เอาท์ลอว์ เชฟอังกฤษชื่อดัง ไม่เพียงความสดและอร่อยเท่านั้น บรรยากาศภายในห้องอาหารยังออกแบบให้เหมือนนั่งอยู่ใต้ทะเลคือทานอาหารไปชมใต้ทะเลไปด้วย
มัสยิดหลวงเชคซัยยิด (Sheikh Zayed Grand Mosque)
มัสยิดหลวงเชคซัยยิด เป็นมัสยิดที่สวยที่สุดในโลก ออกแบบได้อย่างสมบูรณ์แบบ สีขาวสะอาดตา และยังมีโคมไฟแชนเดอเลียร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก การออกแบบได้รับแรงบันดาลใจมาจากหลากหลายสถาปัตยกรรมทั่วโลก ทั้งสถาปัตยกรรมแบบเปอร์เซียน และแบบอินโด-อิสลาม การสร้างเน้นให้โลกได้เห็นถึงความทันสมัยของสถาปัตยกรรมอิสลาม และเน้นความหลากหลายทางวัฒนธรรมของอิสลาม การก่อสร้างล้วนแต่ใช้วัสดุสุดหรู ทั้งหินอ่อนสีขาว คริสตัล และทองคำ ที่นี่สามารถรองรับผู้มาประกอบพิธีกรรมทางศาสนาได้สูงถึง 40,000 คน ห้องโถงละหมาดหลักสามารถรองรับได้ประมาณ 7,000 คน และถูกจัดให้เป็นแหล่งดึงดูดนักท่องเที่ยวมากที่สุดเป็นอันดับที่ 25 ของโลก
เฟอร์รารี เวิลด์ (Ferrari World)
ใครที่หลงรักรถแข่งอย่างเฟอรารี่ไม่ควรพลาดที่นี่เลย เฟอร์รารี่ เวิลด์ สวนสนุกในร่มที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีพื้นที่กว่า 2,152,782 ตารางฟุต ตั้งอยู่ที่เมืองอาบูดาบี เมืองหลวงของประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ได้แรงบันดาลใจมาจากส่วนโค้งของตัวถัง Ferrari GT ข้างในยิ่งใหญ่อลังการไม่ผิดหวังเลย ใช้ทุนการสร้างกว่า 40,000 ล้านดอลลาร์ รองรับนักท่องเที่ยวได้ถึงหนึ่งหมื่นคนต่อวันเลยทีเดียว ไฮไลท์ได้แก่เครื่องเล่นฟอร์มูลา รอซซา (Formula Rossa) รถไฟเหาะจำลอง ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังแข่งขันกรังปรีซ์อยู่ ตัวรถไฟเหาะมีความเร็วถึง 240 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ได้ชื่อว่าเป็นรถไฟเหาะที่มีความเร็วที่สุดในโลก นอกจากนี้ยังมีประวัติความเป็นมา และมีพิพิธภัณฑ์เล็กๆ เกี่ยวกับเฟอร์รารีให้ชมกันอีกด้วย มีร้านขายโมเดลจำลองของเฟอร์รารีตั้งแต่ในยุคอดีตที่หายากมาจนถึงปัจจุบัน และของที่ระลึกมากมาย ร้านอาหารก็จะเป็นสไตล์อิตาเลียนแบบแท้ๆ มาเอง ทั้งพิซซ่า พาสต้าที่ทำสดๆ ใหม่ๆ กาแฟเอสเพรสโซอิตาเลียนแท้ๆ และเบเกอรี่ที่แสนอร่อยหอมกรุ่นจากเตาทุกวัน สวนสนุกแห่งนี้เหมาะแก่ทุกเพศทุกวัย
ทะเลทรายอาหรับ (Dubai Desert)
มาเที่ยวดูไบทั้งทีแล้วไม่ได้เที่ยวทะเลทรายถือว่ายังไม่ถึงดูไบ มาเมืองทะเลทรายทั้งทีก็ต้องออกไปเที่ยวทะเลทรายกันสักหน่อย เป็นทะเลทรายที่ใหญ่เป็นอันดับ 4 ของโลก มีพื้นที่ประมาณ 2,300,000 ตารางกิโลเมตร สามารถซื้อทัวร์เข้าไปทำกิจกรรมต่างๆ ในทะเลทรายได้ กิจกรรมนั้นค่อนข้างหลากหลาย ทั้งการขับรถขับเคลื่อน 4 ล้อตะลุยเนินทราย ขี่อูฐ เล่นสเกตบอร์ดไหลลงมาตามเนินทราย แลนด์เซลลิ่ง (Land Sailing) หรือการล่องเรือใบบกบนทะเลทราย ไฮไลท์อยู่ที่ขับรถจี๊บซาฟารีตะลุยทะเลทรายอาหรับ บนเนินทรายที่ทั้งสูงและต่ำสลับกัน ทั้งลื่น ทั้งชัน บริเวณกลางทะเลทรายจะสวยงามมากๆทรายละเอียดมากและที่สุดประทับใจคือยามพระอาทิตย์ตกดินตัดกับเนินทรายเป็นอะไรที่สวยงามมากกก
ดูไบมอลล์ (Dubai Mall)
เป็นห้างสรรพสินค้าที่ใหญ่เป็นอันดับสองเคยถูกจัดว่าเป็นห้างสรรพสินค้าที่ใหญ่ที่สุดในศตวรรษที่ 21 ภายในประกอบไปด้วยร้านค้านับพันร้าน แบรนด์เนมจัดเต็ม เครื่องเพชร ซื้อทอง ที่นี่ก็มีร้านเหล่านี้กว่า 200 ร้าน มีห้างสรรพสินค้าภายในถึง 2 ห้าง ได้แก่ ห้างแกลเลอรี่ ลาฟาแยตต์ (Galleries Lafayette) ห้างชื่อดังจากฝรั่งเศส และห้างบลูมมิงเดลส์ (Bloomingdale’s) จากสหรัฐอเมริกา ใครอยากได้อะไรมาที่นี่ที่เดียวมีครบทุกอย่าง นอกจากช้อปปิ้งยังมีความบันเทิงอื่นๆ ก็ครบ ทั้งลานสเก็ตน้ำแข็ง สวนสนุกในร่ม พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ รวมถึงโรงหนังกว่า 22 โรง
พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำดูไบ (Dubai Aquarium & Underwater Zoo)
ตั้งอยู่ในภายในดูไบมอลล์ พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำขนาดใหญ่ที่สุดในโลกปลาน้อยใหญ่กว่า 220 สายพันธุ์ ปะการังเทียมที่สร้างขึ้นมาได้สวยงามไม่แพ้ของจริงตามธรรมชาติ และยังสัตว์อื่นๆให้เราได้ชมกันอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น เพนกวิน จระเข้ เป็นต้น เรื่องการออกแบบและโครงสร้างความแข็งแรงไม่ต้องห่วง เขาใช้แผงกระจกอะคริลิก ทำให้เรามองเห็นฝูงปลาว่ายน้ำกันเสมือนเราเดินอยู่ใต้ทะเลกันเลยทีเดียว
เดียร่าซุก (Deira Souk)
เป็นตลาดเก่าแก่ของดูไบ หากต้องการซื้อของฝาก ของพื้นเมือง ทั้งเสื้อผ้า รองเท้า จาน ชาม โคมไฟ ต้องมาที่ตลาดแห่งนี้ รวมถึงเป็นตลาดทองและอัญมณี เครื่องประดับและเครื่องใช้ที่ทำจากเพชรนิลจินดา ใครที่ชอบเครื่องประทับทองสไตล์อาหรับ มาเดินที่ตลาดแห่งนี้รับรองไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน